ประกันชีวิตลดหย่อนภาษีปี 2568
วิธีการคำนวนภาษี
ก่อนที่เราจะไปดูแผนประกันเพื่อลดหย่อนภาษี เรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีการคำนวนภาษีกันคร่าวๆนะครับ
เงินได้สุทธิ
สำหรับเงินได้สุทธิคือเงินได้ที่ต้องเสียภาษี ที่เราจะนำไปเข้าตารางการคำนวนภาษีตามขั้นมีสูตรดังนี้
เงินได้สุทธิ = เงินได้ – ค่าใช้จ่าย – ค่าลดหย่อน
ค่าลดหย่อน คือ
รายการที่กฎหมายกำหนดให้เราสามารถนำไปหักจากเงินได้อีกทีหลังหักค่าใช้จ่ายแล้ว ซึ่งจะช่วยให้เราเสียภาษีน้อยลง
ตัวอย่างคำนวณเงินได้สุทธิ
นาย A เงินเดือน 70,000 บาท ต่อเดือน มีโบนัส 2 เดือน เงินได้คือ 70,000×14 = 980,000 บาท
ค่าลดหย่อน ส่วนตัว 100,000 บาท / เลี้ยงดูบิดา-มารดา อายุ 61 ปี ค่าลดหย่อน คนละ 30,000 บาท รวม 60,000 บาท
จ่ายสมทบประกันสังคมเดือนละ 750 บาท รวมปีละ 9,000 บาท มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หักเดือนละ 3,000 บาท รวมปีละ 36,000 บาท
ไม่มีประกันชีวิต ประกันสุขภาพ เพราะใช้สวัสดิการประกันกลุ่มของบริษัท และสิทธิ์ประกันสังคม
เงินได้สุทธิ = 980,000 – 100,000 – 60,000 – 60,000 – 9,000 – 36,000 = 715,000 บาท (อัตราภาษี 15% )
ภาษีที่ต้องจ่าย
จะเป็นจำนวนเงินที่เรานำเงินได้สุทธิมาคูณอัตราภาษีแล้วรวมกันเข้าไปเป็นฐานภาษีที่เราต้องจ่าย
” ภาษีที่ต้องจ่าย = เงินได้สุทธิ x อัตราภาษี “
ภาษีที่ต้องจ่าย = 27,500 + (215,000×15%) = 27,500 + 32,250 = 59,750 บาท
ตารางคำนวณอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ปี 2568

ซึ่งในปัจจุบันเราสามารถคำนวนภาษีได้ง่ายขึ้นจากการคำนวนผ่านหน้าเว็บไซต์ได้เลย
ประกันชีวิตลดหย่อนภาษี แบบไหนดี และน่าสนใจ
ประกันชีวิตที่ลดหย่อนภาษีได้มีหลายแบบ แต่สามารถแบ่งได้ 3 แบบหลัก ๆ ดังนี้
- ประกันชีวิตทั่วไป คือ แบบประกันที่มีระยะเวลาเอาประกัน หรือระยะเวลา คุ้มครอง 10 ปีขึ้นไป ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000 บาท
- ประกันบำนาญ คือ แบบประกันที่ชำระเบี้ยถึงอายุ 55 – 60 ปี หรือจ่าย 1 ปี 5 ปี และรับเงินบำนาญคืนตั้งแต่อายุ 55 ปีเป็นต้นไป ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 200,000 บาท และสามารถลดหย่อนภาษีได้เต็ม 300,000 บาท กรณีไม่ใช้สิทธิ์ประกันลดหย่อนภาษี 100,000 บาทแรก
- ประกันสุขภาพและโรคร้ายแรง คือ สัญญาเพิ่มเติมที่คุ้มครองค่ารักษาพยาบาล สามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 25,000 บาท
1. ประกันชีวิตทั่วไป
สำหรับประกันชีวิตทั่วไปที่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ ได้แก่
-
- ประกันแบบชั่วระยะเวลา
- ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ
- ประกันชีวิตสะสมทรัพย์
- ประกันชีวิตควบการลงทุน Universal Life UL Plus
ค่าเบี้ยประกันชีวิตแบบทั่วไปนี้จะสามารถนำมาลดหย่อนได้ตามจริงแต่ไม่เกิน 100,000 บาท และประกันชีวิตของคู่สมรสที่ไม่มีรายได้ก็สามารถลดหย่อนได้ตามจริงแต่ไม่เกิน 10,000 บาท
โดยเงื่อนไขแบบประกันที่ใช้สำหรับลดหย่อนภาษี คือ
-
- ต้องมีระยะเวลาคุ้มครองไม่น้อยกว่า 10 ปี
- หากมีเงินคืนทุกปี เงินคืนจะต้องไม่เกินร้อยละ 20 ของเบี้ยประกันรายปี
- กรณีไม่ได้จ่ายเงินคืนทุกปี แต่คืนตามช่วงระยะเวลาที่บริษัทประกันภัยกำหนด เช่น คืนทุก 2 ปี, 3 ปี หรือ 5 ปี เป็นต้น เงินคืนจะต้องไม่เกินร้อยละ 20 ของเบี้ยประกันชีวิตสะสมของแต่ละช่วงระยะเวลาที่ผู้รับประกันภัยกำหนดให้มีการจ่ายเงินหรือผลประโยชน์ตอบแทนคืo
2.ประกันบำนาญ
ประกันชีวิตแบบบำนาญจะเป็นแบบประกันที่ออกมาแบบมาเพื่อวางแผนเกษียณให้กับลูกค้าโดยเฉพาะ สามารถลดหย่อนเพิ่มเติมได้อีก 200,000 บาทจากประกันชีวิตทั่วไป หรือสูงสุด 300,000 (กรณียังไม่ได้ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีจากประกันชีวิตทั่วไป)
แต่จะลดหย่อนได้ไม่เกิน 15% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี และเมื่อนำไปรวมกับส่วนการออมเพื่อการเกษียณอื่นๆที่ได้รับสิทธิ์ลดหย่อนภาษี เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, กบข., กองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน, กองทุนการออมแห่งชาติ, กองทุน RMF, กองทุน SSF รวมกันแล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาท
เงื่อนไขของประกันบำนาญที่นำมาลดหย่อนภาษีได้ คือ
-
- ต้องมีการจ่ายผลประโยชน์เป็นรายงวดแบบสม่ำเสมอ
- กำหนดช่วงอายุของการจ่ายผลประโยชน์ในช่วงอายุตั้งแต่ 55 ถึง 85 ปีหรือมากกว่านั้น
- ต้องจ่ายเบี้ยประกันครบก่อนถึงจะได้รับผลประโยชน์
3. ประกันสุขภาพและโรคร้ายแรง
สำหรับการทำประกันสุขภาพเพื่อนำมาลดหย่อนภาษีได้นั้นจะมีอยู่ 2 รูปแบบคือ
-
- เบี้ยประกันสุขภาพที่ทำให้ตัวเอง สามารถลดหย่อนภาษีได้ตามจริงไม่เกิน 25,000 บาท และเมื่อรวมกับประกันชีวิตแบบทั่วไปแล้วจะต้องไม่เกิน 100,000 บาท
- เบี้ยประกันสุขภาพที่ทำให้พ่อแม่ ลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 15,000 บาท ซึ่งจะมีเงื่อนไขคือ ต้องเป็นบุตรตามกฏหมาย (ไม่รวมบุตรบุญธรรม) พ่อแม่ต้องมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี
สอบถามเพิ่มเติม :
โทร : 097-323-6451
Line ID : @muangthaiagent