มีประกันสังคมแล้ว ทำไมยังต้องมีประกันสุขภาพ

ในยุคที่ค่ารักษาพยาบาลพุ่งสูงขึ้น การมีหลักประกันด้านสุขภาพ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนควรให้ความใส่ใจ หลายคนอาจคิดว่าการมีประกันสังคมก็เพียงพอต่อการดูแลสุขภาพแล้ว แต่ในความเป็นจริง ประกันสังคมมีข้อจำกัดบางประการ ที่อาจไม่ตอบโจทย์ความต้องการของเราได้ทั้งหมด แล้วทำไมเราจึงยังต้องมีประกันสุขภาพเพิ่มเติม? วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจถึงความแตกต่างและข้อดีของการมีประกันสุขภาพเพิ่มเติม เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการวางแผนสุขภาพของคุณ

ประกันสุขภาพกับประกันสังคม ต่างกันอย่างไร

1. ประกันสุขภาพกับประกันสังคม ต่างกันอย่างไร

เมื่อพูดถึงเรื่องการดูแลสุขภาพ หลายคนคงนึกถึง “ประกันสังคม” ในฐานะหลักประกันพื้นฐานที่รัฐจัดให้ แต่เคยสงสัยไหมว่า ทำไมหลายคนถึงยังเลือกที่จะมี “ประกันสุขภาพ” ควบคู่ไปด้วย? ทั้ง ๆ ที่มีประกันสังคมอยู่แล้ว ในบทความนี้ เราจะมาทำความเข้าใจถึงความแตกต่างและข้อดีของการมีประกันสุขภาพเพิ่มเติม เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการวางแผนสุขภาพของคุณ

ประกันสังคม หลักประกันพื้นฐานจากรัฐ

ประกันสังคมเป็นหลักประกันทางสังคมที่รัฐบาลจัดตั้งขึ้น เพื่อคุ้มครองดูแลลูกจ้างในระบบ โดยจะให้ความคุ้มครองในกรณีต่าง ๆ เช่น เจ็บป่วย คลอดบุตร ทุพพลภาพ เสียชีวิต ชราภาพ และว่างงาน ในส่วนของการรักษาพยาบาล ประกันสังคมจะให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลตามสิทธิที่กำหนดไว้

ข้อดีของประกันสังคม

เป็นหลักประกันพื้นฐานที่ทุกคนในระบบควรมี

ช่วยแบ่งเบาภาระค่ารักษาพยาบาลในระดับหนึ่ง

ครอบคลุมการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลตามสิทธิ

ข้อจำกัดของประกันสังคม

วงเงินคุ้มครองอาจไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง โดยเฉพาะในกรณีเจ็บป่วยร้ายแรง

มีข้อจำกัดในการเลือกโรงพยาบาลและเงื่อนไขการรักษา

ระยะเวลารอเข้ารับการรักษา ทำให้ไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที

สิทธิประโยชน์บางอย่างอาจไม่ครอบคลุม เช่น ค่าห้องพักพิเศษ หรือค่าแพทย์ทางเลือก

ประกันสุขภาพ ความคุ้มครองที่มากกว่า

ประกันสุขภาพเป็นผลิตภัณฑ์ประกันภัย ที่บริษัทเอกชนจัดทำขึ้น เพื่อให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลเพิ่มเติมจากประกันสังคม โดยมีแผนความคุ้มครองที่หลากหลาย สามารถเลือกให้เหมาะสมกับความต้องการและงบประมาณได้

ข้อดีของประกันสุขภาพ

ความคุ้มครองที่ครอบคลุมและหลากหลาย สามารถเลือกแผนที่ตอบโจทย์ความต้องการได้

วงเงินคุ้มครองสูงกว่าประกันสังคม ทำให้มั่นใจได้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายเพียงพอในกรณีเจ็บป่วย

ความสะดวกสบายในการเลือกโรงพยาบาลและแพทย์ ทำให้ได้รับการรักษาที่รวดเร็วและสะดวกสบายยิ่งขึ้น

มีสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม เช่น ค่าห้องพักพิเศษ ค่าแพทย์ทางเลือก หรือค่ารักษาพยาบาลในต่างประเทศ

ข้อจำกัดของประกันสุขภาพ

มีค่าใช้จ่ายเบี้ยประกันที่ต้องจ่ายเป็นประจำ

มีเงื่อนไขและข้อยกเว้นตามกรมธรรม์ที่ต้องศึกษาให้เข้าใจ

2. มีประกันสังคมแล้ว ทำไมยังต้องมีประกันสุขภาพ

ประกันสังคมและประกันสุขภาพ ต่างก็มีความสำคัญในการดูแลสุขภาพของเรา แต่มีความแตกต่างกันในด้านความคุ้มครองและสิทธิประโยชน์ แม้คุณจะมี ประกันสังคม อยู่แล้ว แต่ ประกันสุขภาพ ก็ยังมีความสำคัญส่วนจะมีอะไรบ้าง มาดูกัน

1. ความครอบคลุมของการรักษาที่แตกต่างกัน

ประกันสังคม ครอบคลุมการรักษาพยาบาลพื้นฐาน แต่มีข้อจำกัดเรื่องโรงพยาบาลที่เข้ารักษา (ต้องเป็นโรงพยาบาลตามสิทธิ)

ประกันสุขภาพ ช่วยให้คุณเลือกโรงพยาบาลเองได้ ไม่ต้องรอคิวนาน และครอบคลุมโรคหรือค่ารักษาบางอย่างที่ประกันสังคมไม่จ่าย

2. ค่ารักษาที่อาจสูงกว่าขอบเขตของประกันสังคม

ประกันสังคมอาจไม่ครอบคลุมค่ารักษาพิเศษ เช่น ค่าห้องพักผู้ป่วย ค่าศัลยกรรมบางประเภท หรือค่าตรวจวินิจฉัยขั้นสูง

ประกันสุขภาพช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของคุณเอง

3. ทางเลือกการรักษาที่มากขึ้น

ประกันสุขภาพมักให้สิทธิการรักษาในโรงพยาบาลเอกชน ซึ่งมีบริการที่รวดเร็วและสะดวกกว่า

สามารถเลือกแพทย์เฉพาะทางได้ตามต้องการ

4. การคุ้มครองที่ครอบคลุมมากขึ้น

ประกันสุขภาพบางแผนมีความคุ้มครองที่เหนือกว่าประกันสังคม เช่น ค่าชดเชยรายได้เมื่อป่วยจนทำงานไม่ได้

5. ประกันสุขภาพช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน

หากเกิดโรคร้ายแรงหรืออุบัติเหตุหนัก ค่ารักษาอาจสูงกว่าที่ประกันสังคมจ่ายไหว ประกันสุขภาพช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายส่วนเกิน

ดังนั้น ประกันสังคมช่วยดูแลสุขภาพพื้นฐานได้ แต่ไม่ครอบคลุมทุกอย่าง การมี ประกันสุขภาพเพิ่มเติม จะช่วยให้คุณได้รับการรักษาที่ดีขึ้น สะดวกขึ้น และลดภาระค่าใช้จ่ายในกรณีฉุกเฉิน

ไม่มีประกันสังคม ทําประกันอะไรดี

3. ไม่มีประกันสังคม ทําประกันอะไรดี

สำหรับผู้ที่ไม่มีประกันสังคม การทำประกันสุขภาพถือเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง เพราะเป็นการสร้างหลักประกันด้านสุขภาพที่มั่นคง ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต โดยประเภทของประกันสุขภาพที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ไม่มีประกันสังคม มีดังนี้

1. ประกันสุขภาพแบบผู้ป่วยใน (IPD)

ประกันสุขภาพแบบผู้ป่วยใน (IPD) ให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลเมื่อต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล เช่น ค่าห้องพัก ค่าอาหาร ค่าแพทย์ ค่าผ่าตัด และค่ายา

เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลที่ครอบคลุม โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่มีราคาสูง

ควรพิจารณาเลือกแผนประกันที่มีวงเงินคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลที่เหมาะสมกับความต้องการและงบประมาณ

2. ประกันสุขภาพแบบผู้ป่วยนอก (OPD)

ประกันสุขภาพแบบผู้ป่วยนอก (OPD) ให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลเมื่อเข้ารับการรักษาโดยไม่ต้องนอนโรงพยาบาล เช่น ค่าปรึกษาแพทย์ ค่ายา และค่าตรวจวินิจฉัย

เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลในกรณีเจ็บป่วยเล็กน้อย หรือต้องการความคุ้มครองเพิ่มเติมจากประกันสุขภาพแบบผู้ป่วยใน

ควรพิจารณาเลือกแผนประกันที่มีวงเงินคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลต่อครั้งที่เหมาะสม

3. ประกันสุขภาพแบบเฉพาะโรค

ประกันสุขภาพแบบเฉพาะโรคให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลสำหรับโรคที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ หรือโรคเบาหวาน

เหมาะสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเฉพาะ หรือต้องการความคุ้มครองเพิ่มเติมสำหรับโรคที่กังวล

ควรพิจารณาเลือกแผนประกันที่มีความคุ้มครองที่ครอบคลุมโรคที่ต้องการ

4. ประกันสุขภาพแบบชดเชยรายได้

ประกันสุขภาพแบบชดเชยรายได้ให้เงินชดเชยรายวันเมื่อต้องนอนโรงพยาบาล เพื่อชดเชยรายได้ที่สูญเสียไป

เหมาะสำหรับผู้ประกอบอาชีพอิสระ หรือผู้ที่ไม่มีสวัสดิการวันลาป่วยแบบได้รับค่าจ้าง

ควรพิจารณาเลือกแผนประกันที่มีจำนวนเงินชดเชยรายวันที่เหมาะสมกับรายได้

ควรศึกษาเงื่อนไขและความคุ้มครองของแต่ละแผนประกันอย่างละเอียด ก่อนตัดสินใจเลือกซื้อ

ควรเปรียบเทียบเบี้ยประกันและสิทธิประโยชน์จากหลายบริษัทประกัน เพื่อให้ได้แผนประกันที่คุ้มค่าที่สุด

พิจารณาถึงประวัติสุขภาพของตนเอง เพื่อเลือกประกันที่เหมาะสม

หากมีโรคประจำตัว ควรแจ้งให้บริษัทประกันทราบ เพื่อพิจารณาเงื่อนไขการรับประกัน

เพราะประกันสังคม เป็นหลักประกันพื้นฐานที่ช่วยคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล แต่มีข้อจำกัดบางประการ การมีประกันสุขภาพเพิ่มเติมจะช่วยเสริมความคุ้มครองให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น สร้างหลักประกันด้านสุขภาพ และลดภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต ทำให้มั่นใจได้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายเพียงพอ และได้รับการรักษาที่ดีที่สุดในกรณีเจ็บป่วย

และอย่าลืมเตรียมความพร้อมเรื่องค่ารักษาไว้ล่วงหน้า เพราะเราไม่สามารถคาดเดาได้ว่าอนาคตโรคร้ายจะมาเยือนตอนไหน สามารถเตรียมความพร้อมเรื่องค่ารักษายามเจ็บป่วย ด้วยประกันสุขภาพเหมาจ่าย จากเมืองไทยประกันชีวิต ไว้ช่วยดูแลค่ารักษา ตั้งแต่ 2 แสน – 100 ล้านบาท จะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องค่ารักษา

รายละเอียดเพิ่มเติม

☑️ โทร : 0973236451   

☑️ Line ID : @muangthaiagent

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Scroll to Top