ทุนประกันภัยคืออะไร? พร้อมเคล็ดลับที่มือใหม่ก็เลือกเองได้!

ทุนประกันภัย คืออะไร มีความสำคัญอย่างไร ถ้าต้องเลือกซื้อต้องลือกแบบไหน ซึ่งสำหรับมือใหม่แล้วเป็นเรื่องที่ต้องหาข้อมูลไว้ เพราะทุนประกันภัยมีความสำคัญอย่างยิ่ง ต่อผู้เอาประกันภัยและผู้รับประโยชน์ เนื่องจากเป็นหลักประกันทางการเงินเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น การมีทุนประกันภัยที่เพียงพอจะช่วยให้ ผู้รับประโยชน์สามารถรับมือกับภาระทางการเงินที่เกิดขึ้นได้ มาดูข้อมูลทุนประกันภัยที่น่ารู้ก่อนตัดสินใจซื้อกัน

ทุนประกันภัย กับ เบี้ยประกันภัย แตกต่างกันอย่างไร

1. ทุนประกันภัย กับ เบี้ยประกันภัย แตกต่างกันอย่างไร?

หลายคนอาจจะยังสับสนกับคำว่า “ทุนประกันภัย” และ “เบี้ยประกันภัย” ว่ามีความหมายเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร วันนี้เราจะมาไขข้อสงสัยเ กี่ยวกับความหมายและความแตกต่างของทั้งสองคำนี้ เพื่อให้คุณเข้าใจ และสามารถเลือกประกันภัยที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณได้

ทุนประกันภัย คืออะไร?

ทุนประกันภัย คือ จำนวนเงินสูงสุดที่บริษัทประกันภัย จะจ่ายให้แก่ผู้รับประโยชน์เมื่อผู้เอาประกันภัยเสียชีวิต หรือเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ประกันภัย เช่น การเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรง หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง ทุนประกันภัยจึงเป็นเหมือนหลักประกันทางการเงิน ที่ช่วยให้ครอบครัวหรือคนที่คุณรัก สามารถรับมือกับภาระทางการเงิน ที่อาจเกิดขึ้นเมื่อขาดเสาหลักของครอบครัวไป

เบี้ยประกันภัย คืออะไร?

เบี้ยประกันภัย คือ เงินที่ผู้เอาประกันภัยต้องจ่ายให้แก่บริษัทประกันภัย เพื่อแลกกับความคุ้มครองตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัย โดยปกติแล้วเบี้ยประกันภัยจะถูกกำหนดให้จ่ายเป็นงวด ๆ เช่น รายเดือน รายไตรมาส หรือรายปี ซึ่งจำนวนเบี้ยประกันภัยจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น เพศ อายุ สุขภาพ อาชีพ และทุนประกันภัยที่เลือก

และหากต้องการศึกษาคำศัพท์เกี่ยวกับประกันเพิ่มเติม คลิกอ่านได้ที่ รู้ไว้ไม่งง 14 คำศัพท์เกี่ยวกับประกัน เข้าใจง่าย ซื้อประกันได้ไม่มีพลาดและหากต้องการศึกษาคำศัพท์เกี่ยวกับประกันเพิ่มเติม คลิกอ่านได้ที่ รู้ไว้ไม่งง 14 คำศัพท์เกี่ยวกับประกัน เข้าใจง่าย ซื้อประกันได้ไม่มีพลาด

ทุนประกันภัยสำคัญอย่างไร?

2. ทุนประกันภัยสำคัญอย่างไร?

ทุนประกันภัยมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความมั่นคงทางการเงินของคุณและครอบครัว ซึ่งมีความสำคัญดังนี้

1. ช่วยแบ่งเบาภาระทางการเงิน

เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น การเสียชีวิต หรือการเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรง ทุนประกันภัยจะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่าจัดการงานศพ หรือหนี้สินที่ยังค้างชำระ ทำให้ครอบครัวไม่ต้องเผชิญกับความยากลำบากทางการเงินเพิ่มเติมในช่วงเวลาที่ยากลำบาก

2. สร้างความมั่นคงทางการเงินในอนาคต

ทุนประกันภัยช่วยให้ครอบครัวมีเงินสำรองไว้ใช้จ่ายในอนาคต เช่น ค่าเล่าเรียนบุตร ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน หรือใช้เป็นเงินทุนในการเริ่มต้นธุรกิจใหม่ ช่วยให้ครอบครัวสามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้อย่างไม่ขัดสน แม้จะขาดเสาหลักไปแล้ว

3. เป็นมรดกให้คนที่คุณรัก

ทุนประกันภัยสามารถส่งต่อเป็นมรดกให้แก่คนที่คุณรักได้ เพื่อให้พวกเขามีหลักประกันในชีวิตต่อไป ทุนประกันภัยจึงเป็นเหมือนการส่งต่อความรักและความห่วงใยไปยังคนที่คุณรัก แม้คุณจะไม่อยู่แล้วก็ตาม

4. สร้างความอุ่นใจและลดความกังวล

การมีทุนประกันภัยที่เพียงพอ จะช่วยให้คุณอุ่นใจ และลดความกังวลเกี่ยวกับอนาคตของครอบครัว หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น คุณจะมั่นใจได้ว่าครอบครัวของคุณจะไม่ต้องเผชิญกับปัญหาทางการเงิน

3. ความแตกต่างของทุนประกันแต่ละประเภท?

ทุนประกันภัยเป็นจำนวนเงินสูงสุด ที่บริษัทประกันภัยจะจ่ายให้แก่ผู้รับประโยชน์เมื่อผู้เอาประกันภัยเสียชีวิต หรือเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ประกันภัย ซึ่งมีหลากหลายประเภท แต่ละประเภทก็มีความแตกต่างกันในด้านความคุ้มครอง เงื่อนไข และผลประโยชน์ ต่อไปนี้คือความแตกต่างของทุนประกันภัยแต่ละประเภท

1. ทุนประกันชีวิต

ความคุ้มครอง คุ้มครองกรณีเสียชีวิตของผู้เอาประกันภัย ไม่ว่ากรณีใดก็ตาม (ยกเว้นบางกรณีที่ระบุไว้ในกรมธรรม์)

ผลประโยชน์ ผู้รับประโยชน์จะได้รับเงินทุนประกันชีวิตเมื่อผู้เอาประกันภัยเสียชีวิต

วัตถุประสงค์ สร้างหลักประกันทางการเงินให้กับครอบครัวหรือคนที่คุณรัก หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น

2. ทุนประกันสุขภาพ

ความคุ้มครอง คุ้มครองค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลเมื่อผู้เอาประกันภัยเจ็บป่วย หรือเกิดอุบัติเหตุ

ผลประโยชน์ บริษัทประกันภัยจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ เช่น ค่าห้องพัก ค่าผ่าตัด ค่ายา ค่าแพทย์

วัตถุประสงค์ ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ซึ่งอาจมีค่าใช้จ่ายสูงมาก

3. ทุนประกันอุบัติเหตุ

ความคุ้มครอง คุ้มครองกรณีที่ผู้เอาประกันภัยเสียชีวิต หรือได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ

ผลประโยชน์ บริษัทประกันภัยจะจ่ายเงินชดเชยตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่าทุพพลภาพ หรือค่าเสียชีวิต

วัตถุประสงค์ ช่วยเหลือทางการเงินเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตได้

4. ทุนประกันทุพพลภาพ

ความคุ้มครอง คุ้มครองกรณีที่ผู้เอาประกันภัยทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง จนไม่สามารถทำงานได้

ผลประโยชน์ บริษัทประกันภัยจะจ่ายเงินชดเชยตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ เช่น เงินบำนาญ หรือเงินก้อน

วัตถุประสงค์ ช่วยเหลือทางการเงินเมื่อทุพพลภาพจนไม่สามารถทำงานได้ ทำให้ขาดรายได้

5. ทุนประกันรถยนต์

ความคุ้มครอง คุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถยนต์ของผู้เอาประกันภัย และ/หรือคู่กรณี เมื่อเกิดอุบัติเหตุ

ผลประโยชน์ บริษัทประกันภัยจะจ่ายค่าซ่อมรถยนต์ หรือค่าเสียหายอื่น ๆ ตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์

วัตถุประสงค์ ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการซ่อมรถยนต์ เมื่อเกิดอุบัติเหตุ

เคล็ดลับการเลือกทุนประกันภัย

4. เคล็ดลับการเลือกทุนประกันภัยที่เหมาะสม

การเลือกทุนประกันภัยที่เหมาะสม เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งต่อความมั่นคงทางการเงินของคุณและครอบครัว เพื่อให้คุณได้รับความคุ้มครองที่เหมาะสม กับความต้องการและสถานการณ์ของคุณ ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับในการเลือกทุนประกันภัยที่เหมาะสม

1. ประเมินความต้องการทางการเงินของคุณ

พิจารณาค่าใช้จ่ายในปัจจุบันและอนาคต คำนวณค่าใช้จ่ายที่จำเป็นสำหรับครอบครัวของคุณในปัจจุบัน เช่น ค่าอาหาร ค่าบ้าน ค่าเดินทาง ค่าเล่าเรียนบุตร รวมถึงค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่าใช้จ่ายยามเกษียณ

พิจารณาภาระทางการเงิน ดูว่าคุณมีภาระทางการเงินอะไรบ้าง เช่น หนี้สิน บัตรเครดิต หากมีหนี้สิน ควรเลือกทุนประกันภัยที่ครอบคลุมหนี้สินทั้งหมด

พิจารณาความเสี่ยง ประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับคุณ เช่น ความเสี่ยงในการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ หรือการเจ็บป่วยร้ายแรง

2. เลือกประเภทของประกันภัยที่เหมาะสม

ประกันชีวิต เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างหลักประกันทางการเงินให้กับครอบครัว หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น

ประกันสุขภาพ ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลเมื่อเจ็บป่วย

ประกันอุบัติเหตุ คุ้มครองกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ ทำให้ได้รับเงินชดเชย

ประกันทุพพลภาพ ช่วยเหลือทางการเงินเมื่อทุพพลภาพจนไม่สามารถทำงานได้

3. กำหนดทุนประกันภัยที่เหมาะสม

คำนวณจากความต้องการทางการเงิน พิจารณาว่าหากคุณไม่อยู่แล้ว ครอบครัวของคุณจะต้องมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง แล้วคำนวณทุนประกันภัยให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายเหล่านั้น

พิจารณาจากภาระทางการเงิน หากมีหนี้สิน ควรเลือกทุนประกันภัยที่ครอบคลุมหนี้สินทั้งหมด

พิจารณาจากรายได้ ทุนประกันภัยควรเป็นสัดส่วนที่เหมาะสมกับรายได้ของคุณ เพื่อไม่ให้เป็นภาระในการชำระเบี้ยประกันภัย

4. เปรียบเทียบเบี้ยประกันภัย

เปรียบเทียบจากหลายบริษัท เปรียบเทียบเบี้ยประกันภัยจากหลาย ๆ บริษัท เพื่อหาบริษัทที่ให้ความคุ้มครองที่คุ้มค่าที่สุด

พิจารณาความคุ้มครองและเงื่อนไข อย่าพิจารณาเพียงเบี้ยประกันภัยที่ถูกเท่านั้น ควรพิจารณาความคุ้มครองและเงื่อนไขของกรมธรรม์ประกอบด้วย

5. อ่านรายละเอียดกรมธรรม์อย่างรอบคอบ

ทำความเข้าใจความคุ้มครอง อ่านรายละเอียดความคุ้มครองอย่างรอบคอบ เพื่อทำความเข้าใจว่ากรมธรรม์ครอบคลุมอะไรบ้าง

ตรวจสอบเงื่อนไขและข้อยกเว้น ตรวจสอบเงื่อนไขและข้อยกเว้นของกรมธรรม์ เพื่อทำความเข้าใจว่ามีกรณีใดบ้างที่ไม่ได้รับความคุ้มครอง

สอบถามข้อสงสัย หากมีข้อสงสัย ควรสอบถามจากตัวแทนประกันภัยหรือบริษัทประกันภัยให้เข้าใจก่อนตัดสินใจ

การมีทุนประกันภัยที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณแบ่งเบาภาระทางการเงิน สร้างความมั่นคงในอนาคต และส่งต่อความรักและความห่วงใยไปยังคนที่คุณรัก ซึ่งไม่ใช่แค่เพียงคำพูด แต่ยังส่งต่อกันได้หลายรูปแบบ ให้แผนความคุ้มครองเพิ่มความอุ่นใจ ไม่ต้องห่วงคนข้างหลัง ด้วย ShieldLife ประกันชีวิต ตัวช่วยเบาใจ ในวันที่จากไป…

รายละเอียดเพิ่มเติม

☑️ โทร : 0973236451   

☑️ Line ID : @muangthaiagent

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Scroll to Top